เส้นดายสองเส้น ขาว และ ดำ ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด
ราวย้ำเตือนว่าปลายทางนี้ ไม่สามารถบรรจบกันได้
.
.
.
ปัง!ปัง!
เสียงสาดกระสุนดังขึ้นในซอยแคบๆแห่งหนึ่งในอิตาลี ไร้ผู้คนไร้เสียงและไร้ชีวิต
จะมีก็เพียงร่างเพรียวบางผู้ยืนอยู่เหลือซากศพ มนุษย์ที่เลือดเจิ่งนอง
ราวกับยมทูตในชุดสีขาวลายวัวที่เปื้อนเลือดและโครน
ชีวิตของคนเราช่างเปราะบางนัก...
หากเพียงลั่นไกออกไป ก็สิ้นสุดลมหายใจในทันที
“รายงานครับวองโกเล่”
เสียงหนุ่มน้อย วัย 18 พูดขึ้นกับนายเหนือหัว ร่างบางเพียงปั่นยิ้มด้วยสีหน้าลำบากใจ
แม้เวลาผ่านไปร่างตรงหน้าของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน
ยังคงเป็นท้องฟ้าที่ไม่เคยหม่นหมองและไม่เคยที่จะหยุดรักชีวิตของมนุษย์
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้แรมโบ้ งานแบบนั้นให้คนอื่นทำเถอะนายมาทำพวกเอกสารเถอะนะ...”
ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองใบหน้าเรียบนิ่งของเด็กหนุ่มที่เคยสดใส รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นที่ใบหน้านั้น
ช่างดูเศร้าสร้อย แรมโบ้เพียงส่ายหน้าราวกับบอกว่า ตนไม่เป็นอะไร ทั้งที่ดวงตาสีเขียวนั้นสั่นไหวราวจะร้องไห้
“มานี่ซิแรมโบ้”
สึนะหมุนเก้าอี้ออกพรางเรียกร่างเพรียวบางของผู้พิทักษ์แห่งอัสนีที่แสนบอบบาง แรมโบ้เดินเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้า
ก่อนนั่งลงกับพื้นหนุนหัวซบที่ตักของเอกนภา ความอบอุ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลังจากเสร็จภารกิจทุกครั้ง
วองโกเล่มักจะเป็นแบบนี้ จะให้เขาหนุนตักและลูบหัวราวปลอบประโลม
ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องปลอบใจ เพียงเพราะต้องส่งเขาไปฆ่าศัตรูที่เป็นอันตรายต่อวองโกเล่...
ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาทางฝ่ามือช่างเหมือนของม่ามี๊
หากม่ามี๊รู้ว่าแรมโบ้ที่น่ารักได้ปลิดชีพผู้คนไปมากมายแล้วละก็คงจะเสียใจเป็นแน่....
“ฉันขอโทษแรมโบ้...ฉันขอโทษที่ต้องส่งเธอไปแบบนี้”
เสียงของเอกนภากำลังสั่น อัสนีส่ายหน้าอีกครั้งใบหน้ามลซบลงที่ฝ่ามือบางของร่างบนเก้าอี้ น้ำตาไม่เคยไหลออกอีก
นับตั้งแต่วันที่ลั่นไกเป็นครั้งแรก การลั่นไกในครั้งนั้นเพื่อปกป้องตนเองจากอันตรายที่ไล่ต้อน
และ เพื่อปกป้องท้องนภาที่งดงามและอบอุ่นนี้ไว้ อัสนีนี้ยอมจะฟาดฟัดผู้อื่นไม่ให้เหลือ
“ผมไม่เป็นอะไรครับวองโกเล่...อย่าโทษตัวเองที่ต้องส่งผมไปฆ่าใคร เพราะนั้นเป็นสิ่งที่ผมเลือกแล้ว”
ใช่ผมเลือก.....เลือกที่จะปกป้องคุณ ดั่งเช่นที่ผู้พิทักษ์คนอื่นทำ....
เพราะว่านี่คือสิ่งยืนยันว่าผมยังมีค่าที่จะมีชีวิตอยู่....
“เลิกสำออยสักทีไอวัวโง่ สึนะยังมีงานต้องทำอีกเยอะ”
เสียงเย็นชาของชายที่เขาหลงใหล ชายที่บอกกับเขาว่า เขาไม่มีคุ้นค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่...
“ไร้ประโยชน์ซะจริง”
เสียงบ่นเบาๆของร่างสูงสีดำ ดังพอที่จะทำให้แรมโบ้ได้ยิน หนุ่มน้อยชุดลายวัวยัดตัวลุกขึ้น
พรางเดินออกไปจากห้องโดยไม่ลืมหันกลับมายิ้มลากับวองโกเล่ รุ่นที่ 10
“แกจะไปใจดีกับมันทำไมนักสึนะ...เป็นบอสก็หัดทำตัวให้เป็นผู้นำหน่อย”
รีบอร์นว่าขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงาน
สึนะทำสีหน้าไม่พอใจจนครูพิเศษต้องเปลี่ยนเรออนเป็นลูกบอลปาใส่หัวบอสใหญ่แห่งวองโกเล่ แฟมิรี่
ผัวะ!
“ทำบ้าอะไรเนี๋ยรีบอร์น!!”
สึนะบ่นพรางคลำหัวเบาๆ ร่างสีดำทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาพรางมองเอกสารบนโต๊ะที่แรมโบ้นำมาส่งเมื่อครู่ .......
ก็เพียงแค่อยากรู้ว่ามันทำงานได้ดีแค่ไหน....
มือเรียวเอื้อมหยิบซองสีน้ำตาลพรางเปิดออกดู ภาพของศพไหม้เกรียมราวถูกเผา กับอีกศพที่เลือดเจิ่งนองทั่วพื้น
ใบรายงานเขียนเพียงสั่นๆอธิบายว่า ฆ่าเมื่อไหร่ตายยังไง ศพที่น่าสยดสยองจนไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าเกิดจากน้ำมือเด็กหนุ่มอายุเพียง 18 ปี
แรมโบ้ในตอนนี้ช่างดูเย็นชาและเงียบเหงา ราวยมทูตในชุดขาวที่แสนงดงาม
แต่ว่าอย่างน้อยหนุ่มน้อยสูทลายวัวนั้นก็ยังคงเป็นคนที่อ่อนโยนอยู่ ยืนยันได้จากผ้าสีขาวที่คลุมให้ศพและดอกไม้ที่วางไว้ข้างๆราวไว้อาลัย
หากเป็นสมัยก่อนเด็กหนุ่มคนนั้นคงจะร้องไห้ฟูมฟายเป็นแน่ จะว่าไป...
...... ร่างบางนั้นไม่ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้วนะ?
.......แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใสใจ ก็แค่ขยะไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์...
TBC.
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
6 ความคิดเห็น on "[Fic]RebornxLambo: Dark story of RL - 1"
อยากอ่านต่ออีกจังเลยค่ะ
ชอบคู่นี้ที่สุดเลย ^O^
สวัสดีค่ะ
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
เป็นฟิครีบอร์นที่ดูโหดได้ใจเลยอะ
ขอไปตามอ่านก่อนนะคะ^^
ขอบคุณมากค่ะ
รักคู่นี้มาก!!! เเต่คนเเต่งก็น้อยมาก!!! เช่นกัน T^T
ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่เขียนมาให้เบิ่ง เเงๆ TTOTT
จะติดตามนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ ^O^
ชอบคู่นี้มากๆเหมือนกัน RL forever
หาแบบนี้มานานแล้วค่ะ^^
แสดงความคิดเห็น